กรณีศึกษา ผู้ป่วย โรคซนสมาธิสั้น (attention deficit hyperactivity disorder: ADHD) | |
กลุ่มของกรณีศึกษา: โรคซนสมาธิสั้น | |
เพศชาย (Male) (อายุ 7 ปี) มาพบแพทย์ด้วยมีพฤติกรรมควบคุมไม่ได้ทั้งที่บ้านและโรงเรียน ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน เด็กชาย อายุ 7 ปี นักเรียนระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 อาศัยอยู่กับมารดาเลี้ยงเดียว มีพี่สาวอายุ 14 ปี มาพบแพทย์ที่คลินิกจิตเวชเด็กด้วยมีปัญหาพฤติกรรมการเรียน แพทย์ได้ทำการสัมภาษณ์และได้ข้อมูลว่าเด็กปรับตัวไม่ค่อยได้กับโรงเรียนใหม่ และครูใหม่ เด็กเล่าว่าครูมักตะคอกเด็กอยู่บ่อยๆโดยไม่รู้ถึงเหตุผล แต่ส่วนใหญ่เพราะว่าไม่มีสมาธิ หรือไม่ทำตามคำสั่งในห้องเรียน ในห้องเรียนเด็กจะได้รับป้ายเตือนพฤติกรรมบ่อยครั้ง และได้รับจดหมายเตือนแจ้งให้มารดาทราบเกือบทุกสัปดาห์ เด็กเล่าว่าชอบมาโรงเรียนและชอบกิจกรรมการเรียนที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เด็กเล่าว่ามีเพื่อนจำนวนไม่มาก จึงมักนั่งอยู่คนเดียว ซึ่งเป็นเพราะว่าเด็กมักจะถูกลงโทษให้นั่งทำงานที่หลังห้องจนกว่างานที่ได้รับมอบหมายจะเสร็จ ซึ่งก็ไม่ค่อยมีงานวิชาใดเสร็จเลย เด็กเล่าว่ารู้สึกเบื่อ ท้อ โกรธ และอยากที่จะอยู่บ้าน เด็กเล่าว่ามารดามักตะคอกอยู่บ่อยๆเพราะต้องทำงานหารายได้ ซึ่งพี่สาวจะคอยเป็นผู้ดูแล เด็กมักจะใช้เวลาในการดูโทรทัศน์ เล่นเกม หรือขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน ซึ่งเด็กเล่าว่าชอบขี่จักรยานมากเพราะมีความสุขและสามารถไปไหนก็ได้ตามที่ต้องการ เด็กเล่าว่าสามารถดูแลตนเองในชีวิตประจำวันได้ เช่น อาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหาร แต่มักมีปัญหาเรื่องการนอนดึก เมื่อสัมภาษณ์มารดา มารดาเล่าว่าได้รับจดหมายเตือนที่คุณครูส่งมาจากโรงเรียนหลายครั้ง โดยแจ้งว่าเด็กเวลาอยู่ในห้องเรียนมักไม่อดทน เอาแต่ใจ ร้องไห้งอแง กระทืบเท้า และไม่เคารพครู มารดาต้องไปพบครูประจำชั้นหลายครั้งและได้รับแจ้งว่าเด็กควรอยู่ในชั้นเรียนที่มีครูการศึกษาพิเศษ หรือไปปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปัญหาพฤติกรรมในห้องเรียน มารดาจึงตัดสินใจมาพบแพทย์ มารดาเล่าว่า เวลาเด็กอยู่บ้าน ก็มีพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ มักไม่ทำตามสั่ง มักวิ่งไปรอบบ้านจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ และมักโต้เถียงกันบ่อยมากเวลาทำการบ้าน งานบ้าน พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และงานที่ได้รับมอบหมายจากโรงเรียน มารดาเล่าว่าเด็กมักไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเวลา มักลืมหรือทำอุปกรณ์ต่างๆหายอยู่บ่อยๆ มักไม่สามารถจัดการหรือวางแผนการทำงานที่ต้องใช้สมาธินานๆ และบ่อยครั้งมักอดทนรอคอยไม่ได้ เวลาต้องไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า หรือไปทำบุญที่วัด มารดาเล่าว่าผลการเรียนของเด็กไม่ตกแต่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยในระดับชั้น เด็กสามารถอ่านหนังสือและทำโจทย์เลขได้ถ้าได้รับการกระตุ้นให้ทำ แต่มักเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ วอกแวกง่าย มักจะสนใจหรือชอบทำงานที่แปลกใหม่ มารดาแจ้งว่าเคยไปประเมินระดับเชาวน์ปัญญา แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ ซึ่งทำให้มารดารู้สึกกังวลและไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต ประวัติการตั้งครรภ์และพัฒนาการ มารดาเล่าว่าเคยดื่มแอลกอฮอล์บ่อยครั้งขณะตั้งครรภ์ แต่คลอดปกติ และไม่มีปัญหาพัฒนาการใดๆ ประวัติส่วนตัว ตรวจประเมิน พบว่า มีอาการในกลุ่มไม่มีสมาธิ เกิดก่อนอายุ 12 ปี พบอาการทั้งที่บ้านและโรงเรียน และรบกวนชีวิตประจำวันในการเรียน และการคบเพื่อน ประวัติครอบครัว ไม่มีประวัติโรคจิตเวชในครอบครัว สรุปภาวะสุขภาพ สภาพทั่วไป เด็กดูเก็บตัว วิตกกังวลเล็กน้อย สุภาพ สามารถโต้ตอบคำถามได้ สนใจเล่นของเล่นหลายอย่าง และอ่านหนังสือการ์ตูนที่ตั้งไว้ สุขภาพโดยทั่วไปแข็งแรงดี อาการและอาการแสดง : ไม่อยู่นิ่ง ไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ การตรวจร่างกายที่ผิดปกติ : ไม่มี สัญญาณชีพ : ไม่มีข้อมูล ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล ปัญหาที่ 1. ไม่ให้ความร่วมมือในการทำการบ้าน/งานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จเนื่องจากมีอาการไม่มีสมาธิ ข้อมูลสนับสนุน 1. การบ้าน/งานที่ได้รับมอบหมายไม่เสร็จ 2. มีอาการเหม่อลอย วอกแวกง่าย ทำของหายบ่อยๆไม่อดทนในงานที่ใช้สมาธินานๆ 3. มารดาต้องกระตุ้นเป็นระยะๆเวลาทำงาน/การบ้าน กิจกรรมการพยาบาล 1.ประเมินและวางแผนปรับพฤติกรรมในการส่งงานให้ตรงเวลาและสำเร็จและให้แรงเสริมในพฤติกรรมที่เหมาะสม 2. กำหนดตารางเวลาในการทำพฤติกรรมต่างๆที่ชัดเจนและมีป้ายบอกเตือนที่เห็นชัด 3. ใช้คำสั่งที่สั้นชัดเจนสบตาขณะออกคำสั่ง และให้เด็กทวนคำสั่งในการให้ทำกิจกรรม/งานที่รับผิดชอบ 4. จัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานลดสิ่งเร้า เงียบสงบ 5. ดูแลให้เด็กทำงานทีละอย่าง และให้แรงเสริมเป็นระยะๆเมื่อทำงานแบ่งย่อยสำเร็จ 6. แนะนำให้มารดาเรียนรู้และนำเทคนิคการปรับพฤติกรรมการออกคำสั่ง ไปใช้กับเด็กดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาและติดตามดูผลข้างเคียงของยา ปัญหาที่2.มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมบกพร่อง ข้อมูลสนับสนุน มีเพื่อนจำนวนไม่มากและมักเก็บตัว กิจกรรมการพยาบาล 1. ประเมินปัญหาในการเข้าสังคมกับเพื่อนและบริบทภายในห้องเรียน/โรงเรียน 2. ฝึกทักษะทางสังคมและให้แรงเสริมในพฤติกรรมที่เหมาะสม 3. กำหนดขอบเขตการแสดงออกพฤติกรรมทางสังคมที่เหมาะสม ปัญหาที่3.มีคุณค่าในตนเองต่ำ ข้อมูลสนับสนุน 1. เด็กบอกว่ารู้สึกเบื่อหน่าย 2. เด็กถูกตำหนิ ตะคอกจากมารดาและคุณครูในห้องเรียนบ่อยครั้ง 3. เด็กไม่มีชิ้นงาน/งานที่ทำสำเร็จและไม่ได้รับการชื่นชม กิจกรรมการพยาบาล 1. สร้างสัมพันธภาพกับเด็กให้เกิดความไว้วางใจ 2. เปิดโอกาสให้เด็กได้ระบายความคิดความรู้สึกเกี่ยวกับตนเอง 3. ค้นหาจุดเข้มแข็งของเด็กที่ผ่านมาและนำมาเป็นพลังในการปรับเปลี่ยนพยายามให้เด็กทำชิ้นงาน/กิจกรรมที่สามารถได้รับการชื่นชมหรือทำสำเร็จ ปัญหาที่4.มีแบบแผนการนอนแปรปรวน ข้อมูลสนับสนุน 1. เด็กบอกว่าเข้านอนดึก 2. กิจกรรมที่ทำก่อนเข้านอน คือการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ และดูโทรทัศน์ กิจกรรมการพยาบาล 1. แนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้านอนและการจัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบเหมาะกับการนอนหลับ 2. แนะนำให้รับประทานยาก่อนเวลา 18.00 น. เพื่อลดผลข้างเคียงยาจากการนอนไม่หลับจดบันทึกเวลาในการเข้านอนและตื่นนอนและวางแผนในการปรับพฤติกรรมที่รบกวนการเข้านอน ปัญหาที่5.มารดามีความเครียดจากการเลี้ยงดู ข้อมูลสนับสนุน 1. มารดาบอกว่าไม่รู้จะจัดการกับปัญหาของเด็กอย่างไรดี 2. มารดาบอกว่ารู้สึกกังวลสีหน้าไม่สบายใจ และมีน้ำตาคลอเบ้าเวลาเล่าเรื่อง 3. เป็นมารดาเลี้ยงเดียว และเลี้ยงบุตร 2 คน กิจกรรมการพยาบาล 1. เปิดโอกาสให้มารดาได้ระบายความคิดความรู้สึก 2. ให้มารดาได้เข้าร่วมการฝึกอบรมหรือกลุ่มช่วยเหลือของพ่อแม่แนะนำเทคนิควิธีการคลายเครียดต่างๆ สรุปกรณีศึกษา เด็กชาย อายุ 7 ปีมาพบแพทย์ด้วยมีพฤติกรรมควบคุมไม่ได้ทั้งที่บ้านและโรงเรียน มารดามีประวัติดื่มแอลกอฮอล์บ่อยครั้งขณะตั้งครรภ์แต่คลอดปกติ และไม่มีปัญหาพัฒนาการใดๆ แพทย์ให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคซนสมาธิสั้น (attentiondeficit hyperactivity disorder: ADHD) inattentive type ให้รักษาด้วยRitalin (5mg) 1 tab tid หลังจากเด็กได้รับประทานยาแล้ว เด็กมีพฤติกรรมการเรียนดีขึ้น สามารถที่จะมีเพื่อนมากขึ้นทำงาน/การบ้านได้ตามเวลา และเสร็จตามเวลาและการที่มารดาได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มพ่อแม่ทำให้รู้และเข้าใจพฤติกรรมเด็กและเทคนิคในการจัดการพฤติกรรมเด็กมากขึ้นรู้วิธีการผ่อนคลายตนเองและมีเทคนิคในการเลี้ยงดูบุตรที่เป็นโรคซนสมาธิสั้นได้มากขึ้น | |